ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    May 7, 2024 รัฐต้องคุม! ส.อ.ท.โอด 30 อุตสาหกรรมโดนหนัก พิษสินค้าต่างประเทศทะลัก ทั้งถูกกฎหมายแต่ราคาถูกมากและหนีภาษี วอนคลังคุมเข้ม หวั่นกระทบใช้เงินดิจิทัล

    นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ภาคผลิตไทยปี 2567 ว่า น่าเป็นห่วง เห็นได้จากตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(เอ็มพีไอ) เดือนมีนาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 104.06 หดตัว 5.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 62.39% ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมไตรมาสแรกของปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 100.85 หดตัวเฉลี่ย 3.65% และอัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 60.45% โดยตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าภาคผลิตไทยกำลังมีปัญหา

    โดยสาเหตุหนึ่งมาจากปัญหาการทะลักของสินค้าต่างประเทศ ทั้งกลุ่มที่ถูกกฎหมายแต่ราคาถูกมากเพราะไร้มาตรฐาน และกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดดฎหมาย เรื่องนี้ส.อ.ท.ได้สะท้อนกับปัญหาต่อรัฐบาลมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพราะกระทบต่อการผลิตของอุตสาหกรรมไทยมากถึง 22 กลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมยา อุตสาหกรรมอะลูมิเนียม อุตสาหกรรมปิโตรเคมี อุตสาหกรรมเม็ดพลาสติก ซึ่งรัฐบาลได้รับเรื่องไปช่วยแก้ปัญหาแล้ว

    อย่างไรก็ตาม ปีนี้จากการติดตามสถานการณ์การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ อาทิ จีน พบว่ายังขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ผลิตของจีนทั้งโอเวอร์ซัพพลายและโอเวอร์คาพาซิตี้ และถูกกีดกันจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป สินค้าจึงกระจายมายังอาเซียน ดังนั้นอยากให้ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ของรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ที่มี นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยกระทรวงการคลังควรเพิ่มมาตรการความเข้มข้นในการตรวจสินค้านำเข้าก่อนถูกกระจายไปยังผู้บริโภค เพราะหากปล่อยไว้ภาคอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบรุนแรงขึ้น กังวลว่าอาจกระทบเพิ่มมากกว่า 30 อุตสาหกรรม สิ่งนี้จะกระทบต่อการจ้างงาน สภาพธุรกิจ จนกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในที่สุด

    นายเกรียงไกร กล่าวว่า อยากให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ดำเนินการบริหารเศรษฐกิจแบบคู่ขนาน คือ เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ให้เงินเข้าระบบเศรษฐกิจและเกิดการหมุนเวียนจริงๆ ขณะเดียวกันก็อยากให้ปกป้องสินค้าไทยจากการตีตลาดจากสินค้าต่างประเทศ เพราะหากปล่อยให้ทะลักเข้ามาในไทยจำนวนมาก สุดท้ายเงินจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอาจถูกใช้จ่ายไปกับสินค้าที่ไม่ได้ผลิตโดยคนไทย กลายเป็นผลกระทบที่รุนแรง เพราะเศรษฐกิจไม่ขับเคลื่อน ขณะที่อุตสาหกรรมหลายกลุ่มอาจต้องทยอยปิดตัวลง ขณะเดียวกันในช่วงของการเร่งใช้งบประมาณ 2567 อยากให้การจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐเน้นการใช้สินค้าจากผู้ผลิตไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี แทนการใช้สินค้าต่างประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ส.อ.ท.ทำงานร่วมกับภาครัฐมาหลายปี ภาครัฐมีรายชื่อผู้ผลิตเอสเอ็มอีไทยในมืออยู่แล้ว หากดำเนินการจะทำให้เอสเอ็มอีไทยมีรายได้ เติบโต เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยทั้งปี

    #สอท #สินค้าหนีภาษี #สินค้าต่างประเทศ #อุตสาหกรรม #นำเข้า #ภาษีแวต #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/EdAVZc2toQxME7ft/?mibextid=oFDknk
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    รู้หรือไม่ ?
    ด้วย "ดอกเบี้ย" ปัจจุบันที่ 5.25%
    FED กำลังต้องพิมพ์เงิน "70 ล้านบาท" ออกมาทุกๆ 1 นาที เพื่อจ่ายคืนดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
    ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/arti...minute-treasuries-mint-cash-like-never-before
    --------------------------------
    https://www.facebook.com/share/zA44tbiwGG5yFSAG/?mibextid=oFDknk
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘ลาว’ เผชิญวิกฤติ ‘หนี้ท่วม’ ดอลลาร์แข็งค่า กดดันค่าเงินทั่วเอเชีย
    .
    ‘ลาว’ เผชิญวิกฤติ ‘หนี้ท่วม’ หลังดอลลาร์แข็งค่ากดดันค่าเงินทั่วเอเชีย กระทบยอดหนี้ค้างชำระจากเจ้าหนี้ต่างประเทศสู่“กับดักหนี้” ของ “จีน”ที่เข้ามามีบทบาทในประเทศรายได้น้อย
    .
    สำนักข่าวนิกเคอิเอเชียรายงานถึงสถานการณ์ค่าเงินของประเทศในเอเชียแปซิฟิกที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สร้างความกังวลว่า “สปป.ลาว” และประเทศกำลังพัฒนาที่มีรายได้น้อยอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ อาจเสี่ยงที่จะเข้าสู่วิกฤต “หนี้ท่วม”
    .
    ในการประชุมธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ประจำปีที่จัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในกรุงทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ชุนอิจิ ซูซูกิ กล่าวว่า "จุดอ่อนด้านหนี้สินยังคงเป็นปัญหารุนแรงในบางประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และประเทศที่มีรายได้น้อย"
    .
    หนี้ในประเทศกำลังพัฒนากำลังพุ่ง
    .
    นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น ได้หารือเกี่ยวกับความยั่งยืนของหนี้สินกับรัฐมนตรีคลังจากประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก ในการประชุม ADB ซึ่งการหารือครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้น
    .
    กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าสัดส่วนหนี้สินต่อจีดีพี ของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศรายได้ปานกลางในเอเชียจะเพิ่มขึ้นเป็น 82.4% ของจีดีพีรวมกันในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% จากปีที่แล้ว ซึ่งสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับสัดส่วนหนี้สินของประเทศในยุโรปที่ 36.2% และละตินอเมริกา 68.5%
    .
    ADB คาดการณ์ว่า อัตราส่วนหนี้สินต่อจีดีพี ของประเทศที่มีรายได้น้อยในเอเชีย จะเพิ่มขึ้น 1% เป็น 44.6% ในปี 2566 ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงด้านหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศเหล่านี้ ซึ่ง ADB ระบุว่า 70% ของประเทศในเอเชียแปซิฟิกมีการขาดดุลทางการคลัง
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/world/1125530?anm=
    .
    .
    #ลาว #หนี้ท่วม #ดอลลาร์ #ดอลลาร์แข็งค่า #ค่าเงิน #ค่าเงินดอลลาร์ #เศรษฐกิจลาว #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจWealth #กรุงเทพธุรกิจFinance

    https://www.facebook.com/share/p/EYPEJbXt8B2dRc77/?mibextid=oFDknk
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    FB_IMG_1715092241236.jpg

    คำพยากรณ์ครั้งที่21/2567
    ดาวพฤหัสบดียกเข้าราศีพฤษภ
    ดาวพฤหัสบดีจะยกเข้าสถิตในราศีพฤษภตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2567 เวลา09.03น.และจะสถิตอยู่ในราศีนี้ไปจนถึงวันที่19 พฤษภาคม2568เวลา02.48น.
    ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวดาวพฤหัสจะมีการโคจรพักรถอยหลังในราศีเมษช่วงระหว่างวันที่9ตุลาคม2567เวลา13.55น.ที่ตำแหน่ง26องศา15ลิบดา7ฟิลิบดาถอยไปจนถึงตำแหน่ง16องศา1ลิบดา48ฟิลิบดาในวันที่12กุมภาพันธ์2568จึงจะเริ่มกลับมาโคจรเดินหน้าตามปกติอีกครั้ง
    สำหรับคำพยากรณ์ครั้งนี้จะพยากรณ์เฉพาะระหว่างช่วงเวลาที่ดาวพฤหัสโคจรเดินหน้าเป็นปกติตั้งแต่วันที่5พฤษภาคม2567เวลา09.03น.เป็นต้นไปจนถึงวันที่ดาวพฤหัสเริ่มโคจรพักรถอยหลังในวันที่ 9 ตุลาคม 2567เวลา13.55น.เท่านั้น และในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวจะมีดาวมฤตยูโคจรเข้ามาร่วมราศีในวันที่ 18 มิถุนายน2567 เวลา02.35น.และเริ่มโคจรถอยหลังตั้งแต่เวลา 22.48น.ของวันที่ 1 กันยายน 2567 เป็นต้นไป (และถอยกลับเข้าสู่ราศีเมษอีกครั้งในวันที่21พฤศจิกายน2567เวลา02.26น.)ส่วนดาวอื่นดวงเล็กที่เดินช่วงสั้นที่จรมาร่วมราศีผมจะเขียนให้อ่านเป็นระยะๆไปนะครับเพื่อไม่ให้เกิดการสับสน(คุณต้องงงเรื่องTime lineอยู่แล้วหละ คนเขียนยังงงเลยให้ตายเถอะ)
    ประเด็นสำคัญของคำพยากรณ์ฉบับนี้จึงเน้นให้เห็นเฉพาะบทบาทใหญ่ๆของดาวพฤหัสในราศีพฤษภแต่ละช่วง แต่จะไม่ลงรายละเอียดดาวเล็กๆที่จรเข้ามาร่วมหรือทำมุมใส่ดาวพฤหัสเป็นครั้งคราว ให้รออ่านเมื่อถึงตอนที่ดาวต่างๆย้ายเข้ามาร่วมนะครับ
    ดาวพฤหัสถือเป็นดาวศุภเคราะห์ใหญ่ฝ่ายให้คุณ คุณสมบัติโดยทั่วไปมักทำให้ชีวิตเกิดการเจริญเติบโตมีความก้าวหน้าหากเข้าสถิตในราศีใดโดยส่วนใหญ่ก็มักจะให้คุณให้โชคแก่ราศีนั้นหรือแก่ภพเรือนนั้น มักให้คุณในลักษณะของการเจริญเติบโตการขยายตัว เป็นดาวที่คอยให้ความรู้และคอยให้สติแก่มนุษย์ มีอิทธิพลครอบคลุมด้วยเรื่องของศีลธรรมจรรยา ความถูกต้องยุติธรรมและด้านปัญญาความรู้ต่างๆทั้งทางโลกและทางธรรม (เว้นเสียแต่บุคคลผู้นั้นมีดาวพฤหัสอ่อนกำลังเพราะสถิตในราศีที่ได้ตำแหน่งประเกษตร หรือได้ตำแหน่งนิจ ก็จะให้คุณและให้โทษอย่างเบาบาง แต่ถ้าดาวพฤหัสบดีเข้าสถิตในราศีกรกฎก็จะได้ตำแหน่งมหาอุจน์เป็นตำแหน่งที่ดาวพฤหัสบดีมีกำลังแรง การให้คุณและให้โทษก็จะแรงไปด้วย
    เมื่อใดที่ดาวพฤหัสโคจรเข้าสถิตในภพเรือนที่เสียหรือให้โทษเช่นเข้าสถิตในภพ
    เรือนที่เป็นเรือนอริ เรือนมรณะ และเรือนวินาศแก่ลัคนา ดาวพฤหัสก็จะให้โทษแก่บุคคลผู้เป็นเจ้าของลัคนานั้น ส่วนจะให้โทษหนักหรือเบาก็ให้ดูจากดาวพฤหัสนั้นได้ตำแหน่งเป็นเกษตร ตำแหน่งมหาอุจน์หรือตำแหน่งนิจ หรือเป็นตำแหน่งประเกษตร
    ส่วนเมื่อใดที่ดาวพฤหัสโคจรพักรถอยหลังหรือหยุดนิ่ง เมื่อนั้นการใช้สติปัญญาความคิดแต่เหตุผลก็จะเกิดความล่าช้าหรือหยุดชงักในการคิดและตัดสินใจ รวมทั้งเรื่องของการเรียนและการศึกษาก็มักจะมีอุปสรรคในการเรียนหรือมีปัญหาเรื่องครูบาอาจารย์ การเรียนรู้สิ่งใดมักไม่จึงไม่เต็มหน่วยหรือต้องเรียนรู้ด้วยการช่วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ การเรียนการศึกษามักล่าช้าหรือไม่ต่อเนื่อง แต่ในแง่ดีก็คือบุคคลผู้นั้นมักจะเป็นคนที่มองเห็นหรือสังเกตเห็นสิ่งที่คนทั่วไปหลายๆคนมองข้ามการเรียนรู้ต่างๆจึงมักเก็บตกในรายละเอียดที่คนทั่วไปไม่ให้ความสนใจ คุณสมบัติเฉพาะตัวของดาวพฤหัสบดีโดยปกติแล้วจะหมายถึงสติปัญญา ความรู้ และภูมิปัญญาและความเจริญเติบโตก้าวหน้ารวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ การดูดวงจรประจำปีจึงมักเพ่งเล็งที่ดาวพฤหัสก่อนดาวอื่น เพื่อดูว่าปีนั้นมีผู้หลักผู้ใหญ่คอยให้การสนับสนุน หรือมีโชคบ้างหรือไม่ ก่อนจะไปไล่ดูดาวบาปเคราะห์แรงๆอย่างดาวเสาร์ ดาวมฤตยู และพระราหู
    สำหรับคราวนี้มาดูกันครับว่าดาวพฤหัสที่ย้ายจากราศีเมษเข้าสถิตในราศีพฤษภและยังจะมีดาวมฤตยูยกตามหลังมา จะส่งผลอย่างไรกันบ้างกับผู้ที่มีลัคนาสถิตในแต่ละราศี การอ่านคำพยากรณ์ของผมแนำนำให้อ่านจากลัคนาจะแม่นกว่าอ่านจากราศีเกิดนะครับ
    *******************************************************************************************ท่านที่เป็นชาวราศีเมษ หรือมีลัคนาสถิติราศีเมษ ดาวพฤหัสเจ้าเรือนภพศุภะย้ายเข้าสถิตในราศีพฤษภซึ่งเป็นเรือนการเงินและทรัพย์สิน จึงเป็นโอกาสดีที่คุณจะขอรับการสนับสนุนทางการเงินหรือเรื่องเกี่ยวกับเงินทองทรัพย์สินจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือจากคนต่างถิ่นแดนไกล การขออนุมัติเครดิตทางการเงินจากสถาบันการเงิน และหากพ้นจากวันที่ 18 มิถุนายน2567ไปแล้วซึ่งเป็นวันที่ดาวมฤตยูยกเข้าสถิตในราศีพฤษภร่วมกับดาวพฤหัสด้วยอีก 1 ดวง ดวงเหตุเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นไปได้ง่ายอย่างคาดไม่ถึง ท่านที่ทำมาหากินในสายวิชาการ การแพทย์ กฎหมาย ศาสนาและการบัญชี มีโอกาสรุ่งในเรื่องของการทำมาหาได้ อนึ่งหากคุณเป็นชาวราศีพฤษภที่มีลัคนาสถิตราศีเมษโอกาสในเรื่องดังกล่าวของคุณจะยิ่งดีเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่ก็ขอเตือนให้ระมัดระวังว่าเมื่อใดที่ดาวมฤตยูยกเข้าสถิตในราศีพฤษภโอกาสทั้งรวยและจนสามารถเกิดได้ในพริบตา เมื่อดาวบาปพระเคราะห์โคจรเข้าร่วมราศีพฤษภ
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีพฤษภ หรือมีลัคนาสถิตราศีพฤษภ ดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นเจ้าเรือนภพลาภะได้พบมรณะโคจรเข้ามากลุ่มลัคนา เป็นโอกาสดีของชาวราศีนี้ที่คุณ จะมีโชคมีลาภ แต่จะเป็นของมีตำหนิหรือของเก่าของโบราณแต่ทรงคุณค่าเช่นพระพุทธรูปมีพระเครื่อง หรืออาจได้รับมรดกไม่ว่าจะโดนที่ไหนกันหรือโดยผลของกฎหมาย รวมไปถึงการได้รับค่าชดเชยค่าเสียหายต่างๆเช่นการเคลมประกัน การเบิกค่ารักษาพยาบาลหรือแม้กระทั่งพบเจอทรัพย์สินที่คิดว่าสูญหายไปแล้วจะได้กลับคืน หนี้เก่าหนี้สูญที่คิดว่าไม่น่าจะได้คืนลองไปติดตามทวงถามดูก็ดี กลุ่มบุคคลเป้าหมายที่เป็นคุณแก่คุณได้แก่พระแก่ๆ นักกฎหมายอาวุโส ครูบาอาจารย์ นักวิชาการ หรือบุคคลที่มีความรู้เฉพาะทางย่อมได้รับการยกย่อง ท่านที่ทำงานในสายวิชาการ กฎหมาย การแพทย์ การศาสนา และการบัญชีหรือแม้กระทั่งผู้ที่อยู่ ในแวดวงวงการพระเครื่อง มีโอกาสรุ่งง่ายเป็นพิเศษ ยิ่งหลังวันที่ 18 มิถุนายน 2567ไปแล้ว อะไรต่ออะไรดูจะง่ายกว่าที่คิดหรือได้มาอย่างไม่นึกฝัน
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีมิถุน หรือมีลัคนาสถิตราศีมิถุน การที่ดาวพฤหัสขึ้นเป็นทั้งเจ้าเรือนพบกัมมะหรือภพงาน และเป็นเจ้าเรือนพบปัตตนิหรือภพของหุ้นส่วนและคู่ครองโคจรเข้าสถิตในราศีพฤษภซึ่งเป็นภพวินาศแก่ลัคนา ย่อมไม่เป็นการดีต่อชาวราศีนี้ในเรื่องของหน้าที่การงานและชีวิตคู่ อาจถึงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือโยกย้ายในเรื่องของหน้าที่การงาน หรืออาจต้องทำงานแบบราชการลับทำงานนอกเครื่องแบบ ผู้ที่มีปัญหาอึดอัดทางด้านหน้าที่การงานขอให้ใช้ความอึดถึกทนอย่างถึงที่สุด ถ้าไม่จำเป็นอย่าลาออกจากงานเพราะคุณจะหางานใหม่ยาก ช่วงที่ดาวพฤหัสเข้าสถิต 1ในราศีนี้ จึงไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีสำหรับคุณในการคิดบุกเบิกสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ทางที่ดีประคับประคองงานเก่าของคุณไปให้รอดก่อนจะดีกว่าจนกว่าดาวพฤหัสจะย้ายเข้าทับลัคนา ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นการฟื้นตัวก็ใช่ว่าจะกลับมาดีโดยทันทียังต้องรอเวลาฟื้นตัวอีกพักใหญ่ แต่จะดีเอามากๆเลยทีเดียวเมื่อดาวพฤหัสบดียกเข้าสถิตราศีกรกฎ รอครับงานนี้ต้องรอ สำหรับท่านที่มีคู่ครองแล้วช่วงที่ดาวพฤหัสเข้าสถิตในภพวินาศนี้อาจเป็นช่วงเวลาที่คุณกลับคนรักและคู่ครองน่าจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างห่างๆสักพักจะเป็นการดี เพราะยิ่งใกล้จะยิ่งจาก ยิ่งไกลยิ่งใกล้ชิด ส่วนท่านที่ยังโสด ยังไม่มีคู่ก็ดีแล้วอย่าเพิ่งหาเหาใส่หัว สำหรับนักลงทุนอยากทำอะไรให้ทำคนเดียวไม่ต้องหาหุ้นส่วนเพราะจะไปกันไม่รอด สำหรับนักการเมืองถ้าคุณทำผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรมมีสิทธิ์โดนเช็คบิล ( โสน๊าน่า..)
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีกรกฎ หรือมีลัคนาสถิตราศีกรกฎ คุณกำลังจะมีโชคมีลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่ หรือได้ลาภเพราะมีศัตรูคู่แข่งเช่นกันประกวดและการประมูลเป็นต้น เป็นช่วงเวลาที่สถานการณ์อาจสร้างให้คุณเป็นวีรบุรุษ คุณจะได้ดีจากการแก้ปัญหาหรือการทำงานเป็นที่ปรึกษา ท่านที่ทำงานในสายวิชาการ กฎหมาย การแพทย์ การศาสนาและการบัญชี มีโอกาสรุ่งมากเป็นพิเศษ คนต่างถิ่นแดนไกลและผู้หลักผู้ใหญ่ที่ให้ลาภควรระวังไว้บ้างว่าที่มาของลาภผลนั้นอาจเป็นสีเทาๆซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง ช่วงที่ดาวพฤหัสบดีเดินหน้าเป็นปกติสถิตในราศีนี้ จัดเป็นช่วงเวลาที่ดีและค่อนข้างปลอดภัยสำหรับคุณในการทำนิติกรรมสัญญาต่างๆ
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีสิงห์ หรือมีลัคนาสถิตราศีสิงห์ คุณจะเริ่มมีการบุกเบิกทำอะไรใหม่ๆในด้านหน้าที่การงาน หรือทางธุรกิจในลักษณะของการย้อนยุคหรือนำสิ่งเก่าๆมาปรับใช้ใหม่ ผู้หลักผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนด้านหน้าที่การงานของคุณมากขึ้น การเรียนการศึกษากำลังก้าวหน้า บางคนอาจศึกษาต่อในสถาบันที่สูงขึ้น หรือเริ่มหาความรู้เพื่อเสริมสร้างความเจริญทางด้านหน้าที่การงาน หลัง18 มิถุนายนไปแล้วอาจมีแนวคิดใหม่ๆในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาร่วมในการทำงานมากขึ้น คุณกำลังเข้าสู่ศักราชใหม่ทางด้านอาชีพการงาน
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีกันย์ หรือมีลัคนาสถิตราศีกันย์ อาจมีการโยกย้ายถิ่นฐานบ้านช่องไกลจากที่เดิม หรือต้องย้ายที่พำนักอาศัยเพราะหน้าที่การงาน บางท่านอาจต้องไปประจำต่างประเทศ หรือย้ายตามคนรักคู่ครองของตน สำหรับคนโสดก็อาจพบคนที่ใช่จากต่างถิ่นแดนไกล หรือจากการเดินทางโยกย้ายดังกล่าวได้ด้วย ท่านที่คิดจะศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาระดับสูงขึ้นมีความเป็นไปได้สูง หรือคิดจะไปศึกษาต่อต่างประเทศก็ไม่น่าเป็นเรื่องยาก แต่ก็ควรเดินเรื่องให้ทันก่อนที่ดาวพฤหัสจะโคจรพักรถอยหลังในวันที่ 9 ตุลาคม 2567 หากเนิ่นช้าจะต้องไปเริ่มใหม่ได้อีกทีก็เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า2568โน่น
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีตุลย์ หรือมีลัคนาสถิตราศีตุลย์ นับจากนี้ไปการจะทำอะไรจะต้องพึ่งพาตัวเองมากขึ้นกว่าแต่ก่อน การหวังพึ่งเพื่อนฝูงหรือผู้หลักผู้ใหญ่ดูจะพึ่งยาก หรือแม้เขาทั้งหลายอยากจะช่วยก็อาจอยู่ในสภาพขาดความพร้อมสำหรับคุณ การเรียนการศึกษาเริ่มตกต่ำลงกว่าเดิม ระวังสุขภาพอาจเจ็บป่วยเกี่ยวกับสมอง การคิดทำนิติกรรมสัญญาหรือการทำธุรกรรมทางกฎหมายควรปรึกษามืออาชีพ อย่าฉายเดี่ยวเพราะจะมีข้อผิดพลาด ท่านที่มีคดีความรูปคดีไม่ค่อยจะเป็นคุณสำหรับคุณในช่วงที่ดาวพฤหัสยังสถิตในราศีพฤษภนี้
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีพิจิก หรือมีลัคนาสถิตราศีพิจิก ดาวศุภเคราะห์ใหญ่ฝ่ายให้คุณอย่างดาวพฤหัสโคจรเข้ามาเล็งลัคน์ในภพปัตตนิเรือนของหุ้นส่วนคู่สัญญาและคู่ครองกันทั้งทีคงไม่แคล้วต้องมีคนดีๆผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะมาจีบแบบคนรัก หรือจะมาเป็นหุ้นส่วนคู่สัญญาล้วนแต่เป็นไปในทางดีทั้งสิ้น เว้นอย่างเดียวอย่าให้ดาวพฤหัสเป็นกาลกิณีจรประจำปีก็แล้วกัน มิเช่นนั้นจะเป็นการมาให้คุณแบบทุกข์ลาภ นอกจากนี้คุณยังมีโอกาสดีๆทางด้านการเงินและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับหุ้นส่วนหรือกับบุคคลภายนอกได้ด้วย หรือได้รับผลตอบแทนในลักษณะเงินปันผลที่เข้าหุ้นกันลงทุน อ้อ สำหรับคนโสดอาจเกิดรักต่างวัยกับคนอ่อนวัยกว่าเอามากๆก็ได้ ยิ่งหลัง18 มิถุนายน 2567 ดาวมฤตยูที่ยกเข้ามาร่วมราศีด้วยอีกดวงอาจจะยิ่งทำให้เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นแบบปุบปับฉับพลัน ไม่คิดว่าจะได้ก็ได้ ยิ่งถ้าเป็นความรักต่างวัยอาจเกิดขึ้นปุบปับแบบรักแรกพบจนตั้งตัวแทบไม่ทัน
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีธนู หรือมีลัคนาสถิตราศีธนู ดาวพฤหัสดาวตนุลัคน์หรือดาวประจำราศีโคจรเข้าสถิตในราศีพฤษภเรือนอริแก่ลัคนา พยายามอย่าก่อปัญหาหรือก่อศัตรู โดยเฉพาะศัตรูทางกฏหมาย อย่าให้มีคดีความเพราะรูปคดีจะไม่เป็นคุณแก่ตัวคุณเอง การทำนิติกรรมใดๆในช่วงที่ดาวพฤหัสสถิตเรือนอรินี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำนิติกรรมสัญญเกี่ยวกับบ้านช่อง รถยนต์ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์จะค่อนข้างยุ่งยากไม่ค่อยราบรื่น ด้านการเรียนการศึกษาอาจขัดอกขัดใจกับครูบาอาจารย์เพราะความหัวดื้อของคุณหรือของครูบาอาจารย์เองก็ได้
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีมังกร หรือมีลัคนาสถิตราศีมังกร เป็นช่วงเวลาดีๆที่คุณจะเริ่มอะไรใหม่ๆให้กับชีวิต โดยเฉพาะเรื่องของการเรียนการศึกษายิ่งจะไปได้ดี ท่านที่มีบุตร ปีนี้บุตรและบริวารจะให้คุณ การเรียนพวกเขาจะโดดเด่นหรือดีขึ้นกว่าเดิม คุณเองก็อาจได้เริ่มการเรียนการศึกษายังสถาบันแห่งใหม่ ท่านที่กำลังทำงานค้นคว้าวิจัยจะได้ผลงานใหม่ๆหรือเจอกับอะไรใหม่ๆ ท่านที่ตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรในปีนี้มีแววลูกจะฉลาด แต่การคลอดอาจยุ่งยากต้องผ่าออก หรือไม่อีกทีก็คลอดง่ายกว่าที่คิดไปเลยทั้งนี้เพราะมีดาวมฤตยูมาร่วมเรือนร่วมราศีด้วย
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีกุมภ์ หรือมีลัคนาสถิตราศีกุมภ์ ดาวพฤหัสย้ายเข้าราศีพฤษภภพพันธุ มีเกณฑ์ว่าคุณจะทุ่มเทเงินทองทรัพย์สินเพื่อใช้ในกิจกรรมดีๆเกี่ยวกับบ้านช่อง ที่ดินและยานพาหนะ ช่วงแรกก่อนวันที่20พฤษภาคม ดาวสามดวงอันได้แก่ดาวพฤหัส ดาวศุกร์และดาวอังคารกำลังแลกเรือนเกษตรซึ่งกันและกัน จึงเป็นช่วงเวลาดีๆที่คุณจะมีการหมุนเงินหรือโยกย้ายถ่ายโอนทรัพย์สินเพื่อหาเงินใช้จ่ายกับกิจกรรมดังกล่าว และยังอาจรวมไปถึงการขายทรัพย์สินเก่า หรือแม้แต่บ้านเก่า รถเก่าเพื่อไปเทิร์นเอาบ้านหลังใหม่ หรือรถคันใหม่ แต่ก็ขอเตือนว่าหลังวันที่ 18 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไปดาวมฤตยูที่ย้ายตามดาวพฤหัสเข้ามาอาจทำให้คุณได้ตื่นเต้นหวาดเสียวกับการหมุนเงินหมุนทองเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายกับกิจกรรมดังกล่าว สำหรับช่วงหนึ่งปีนับจากนี้ยังไม่น่ากลัวเท่าไรเพราะดาวพฤหัสยังให้คุณกับเรื่องเหล่านี้อยู่ แต่ถ้าดาวพฤหัสยกออกจากราศีพฤษภเข้าราศีมิถุนได้ตำแหน่งประเกษตรซึ่งทำให้ดาวพฤหัสดาวการเงินของคุณอ่อนกำลังลงมา และในขณะเดียวกันดาวมฤตยูก็กำลังบี้อยู่ในราศีพฤษภเรือนพันธุ ถึงตอนนั้นเรื่องของบ้านช่อง ที่ดินและรถลา ดูจะกลายเป็นเรื่องตึงเครียดกับคุณอยู่ไม่น้อย วางแผนเรื่องการหมุนเงินให้ดีละกันนะครับ อีกอย่างอย่าลืมว่าขณะนี้พระราหูก็กำลังล้วงทรัพย์คุณอยู่ในราศีมีนเรือนการเงิน คุณอาจต้องเจอศึกหลายด้านทางการเงิน
    ******ท่านที่เป็นชาวราศีมีน หรือมีลัคนาสถิตราศีมีน ดาวพฤหัสเรื่องเป็นราวเสนาะหรือดาวประจำตัวของชาวราศีนี้ ย้ายเข้าสถิตให้ได้สิ่งที่จบภพสหัชชะของลัคนา คุณจะแก่สังคมมากขึ้น และได้เข้าไปอยู่ในแวดวงของผู้มีปัญญา หรือมีความเก่งความชำนาญเฉพาะตัวหรือเฉพาะทาง เป็นโอกาสที่คุณจะได้เปิดหูเปิดตาเรียนรู้อะไรใหม่ๆจากสังคม อาการหมกมุ่นกับเรื่องหาเงินหาทองอย่างช่วงหลายปีที่ผ่านมาเริ่มลดลง
    https://www.facebook.com/share/p/gjFgyeyakwRetZiF/?mibextid=oFDknk
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ****มีการปรับแก้ไขข้อมูล เนื่องจากข้อมูลในช่วงต้นผิดพลาด โดยจากแหล่งที่มาข้อมูลที่ถูกต้องของข่าวนี้จะต้องระบุถึง Gen Y และ Gen X (โดยในขณะโพสต์ TODAY Bizview ระบุผิดเป็น Gen Y และ Gen Z) ขออภัยมา ณ ที่นี้และได้มีการปรับแก้แล้วค่ะ****
    .
    ----------
    .
    ‘สุรพล โอภาสเสถียร’ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยผ่าน facebook ส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลหนี้บัตรเครดิตในไตรมาส 1/2567 ว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา การจ่ายขั้นต่ำของบัตรเครดิตจะเริ่มต้นจาก 8% แทนช่วงผ่อนผันในวิกฤตโควิด-19 ที่เริ่มต้นจาก 5%
    .
    โดยมีคำถามมาตลอดว่า ถ้าหลังจากปรับกติกาใหม่จะทำให้หนี้เสีย (NPLs) และหนี้กำลังจะเสีย (SM) กระโดดหรือไม่
    .
    โดย ’สุรพล’ อธิบายว่า ในเดือนมีนาคม 2567 มียอดหนี้บัตรเครดิต 24 ล้านใบ คิดเป็นเงิน 5.5 แสนล้านบาท เติบโต 3.2% (QoQ) ถ้าเทียบจากสิ้นปี 2566 หดตัว 5.1%
    .
    แต่ตัวเลขบัญชีสินเชื่อบัตรเครดิตที่เป็น NPLs ค้างเกิน 90 วันมีจำนวนประมาณ 1 ล้านใบเศษ คิดเป็นยอดเงิน 6.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 14.6% (YoY) ทำให้เริ่มเกิดความไม่สบายใจ
    .
    ต่อจากนั้นยอดหนี้ที่กำลังจะเสีย (SM) พบว่ามี 1.9 แสนใบ จำนวนเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 32.4% (YoY)
    .
    ‘สุรพล‘ บอกว่า มาถึงตรงนี้เริ่มตาโตแล้วครับว่า แค่สามเดือนแรกของการปรับเพิ่มยอดชำระขั้นต่ำทำไมมันเกิดการกระโดดใน SM
    .
    และหลังตามต่อไปดูว่า SM โตจากปลายปี 2566 เท่าใดก็พบว่าเติบโตถึง 20.6% (QoQ) ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่ต้องระวังว่าจะไหลเพิ่ม ไหลแรงกว่าเดิมหรือไม่
    .
    “นอกจากปัญหาค่าครองชีพแล้ว รายได้ไม่ฟื้นตัว เปราะบางจนนุ่มนิ่ม มันสะท้อนแล้วว่าชำระหนี้สินเชื่อนี้ได้ลำบากมากขึ้น”
    .
    นอกจากนั้น สุรพล ยังได้แสดงกราฟบัตรเครดิตที่ยอดหนี้กำลังจะเสีย (SM) เกือบ 2 แสนใบ พบว่า
    .
    - บัตรเปิดมาไม่เกิน 2 ปี มี 3.6 หมื่นใบ อยู่ในมือคน Gen Y 2.3 หมื่นบัตร
    .
    - บัตรเปิดมามากกว่า 2 ปี แต่ไม่เกิน 4ปี มี 3.9 หมื่นใบ อยู่ในมือ Gen Y 2.7 หมื่นใบและ Gen X 9.2 พันใบ
    .
    - บัตรเปิดมามากกว่า 4 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปี มี 4.5 หมื่นใบ อยู่ในมือคน Gen Y 3 หมื่นใบและ Gen X 1.2 หมื่นใบ
    .
    และสุรพลได้ทิ้งคำถามสุดท้ายคือ SM จะไหลต่อเป็น NPLs อีกเท่าใด
    .
    รวมถึงถามต่อว่า “การกำหนดให้ชำระหนี้ขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 8% และ 10% ตามลำดับ ช่วยแก้ปัญหาหนี้ได้จริงๆ ใช่มั้ยตามเป้าประสงค์มาตรการ”
    .
    นอกจากนั้น ยังเสริมว่า “ความจริงคนเรามีบัตรเครดิตได้หลายใบ การเพิ่มอีก 3% ของยอดหนี้ในแต่ละใบ คนไม่เคยเป็นหนี้อาจนึกไม่ออกว่าจะหมุนหาจากไหนไปจ่ายได้“
    .
    ”และประการสุดท้ายค่าใช้จ่ายทั้งหลายมันเริ่มเพิ่มอย่างชัดเจน เช่น ไข่ไก่ ผักบางชนิด น้ำมันก็เริ่มขยับ เป็นต้น”
    .
    รวมถึงได้สรุปข้อความไว้ว่า “การท่องตำราแก้ปัญหากับการท่องยุทธจักรแบบเดินเผชิญสืบ มันใช้ใจที่ต่างกัน ตัวอย่างเรื่องนี้คือหนังชีวิตจริง แต่ถ้ามองเป็นหนังอนิเมะ มันก็อาจผิดเพี้ยน ต้องกลับมาดูกันเพราะแค่ 3 เดือนกลิ่นมันแรงแบบโตขึ้น 32.4% (YoY) และ 20.6% (QoQ) มันไม่ธรรมดา
    ตั้งโจทย์ผิด แต่ตอบโจทย์ที่ผิดได้ถูก ผลลัพธ์ผลผลิตมันจะผิดเพี้ยนไปหรือไม่ วันนี้ฝนตกแล้ว ฝนหลังฝุ่นที่ร้อนระอุย่อมสวยงามเสมอ”
    .
    ที่มา:
    .
    #TODAYBizview
    #MakeTomorrowTODAY

    https://www.facebook.com/share/p/Lv7uZHKqe1b46URD/?mibextid=oFDknk
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘เที่ยวนอก’ คุ้มกว่าในไทย? ร้อนจัด-เงินหด ตรึงคนไทยอยู่บ้าน-เดินห้างแทน
    .
    แนวโน้มสถานการณ์ 'ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ' ไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) ของปี 2567 มี 'ปัจจัยท้าทาย' จากบรรยากาศความต้องการ 'เที่ยวต่างประเทศ' ของคนไทย ผนวกกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม เพื่อดึงคนไทยเข้าไปจับจ่ายในประเทศนั้นๆ
    .
    เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) กล่าวว่า ความท้าทายของการทำตลาด “ไทยเที่ยวไทย” นอกเหนือจากปัญหาเศรษฐกิจในประเทศ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันสูง กระทบต่อกำลังซื้อด้านท่องเที่ยวของคนไทยแล้ว อีกปัจจัยคือ “ค่าตั๋วเครื่องบินเส้นทางในประเทศแพง” จะเห็นว่าช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีคนไทยออกไปเที่ยวต่างประเทศจำนวนมาก
    .
    โดยเฉพาะ “ตลาดบน” ที่แม้อยากไปเที่ยวภูเก็ต แต่พอเจอค่าตั๋วบินแพงเข้าไป เปรียบเทียบค่าตั๋วบินและภาพรวมค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวต่างประเทศแล้วพบว่าใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายในไทย อย่างค่าตั๋วบินไป “ฮ่องกง” ใกล้เคียงกับไป “ภูเก็ต” ทำให้คนไทยเลือกไปเที่ยวฮ่องกงหรือญี่ปุ่นแทน! ส่วนตลาดระดับกลางและล่าง พอการออกไปเที่ยวมีค่าใช้จ่ายแพง ก็เลือกอยู่บ้านแทน! ไม่ออกไปใช้สอย
    .
    ทั้งนี้จากสภาพ “อากาศร้อนจัด” ก็มีส่วนทำให้คนไม่ออกไปเที่ยวเช่นกัน เลือกไปเดินห้างตากแอร์แทน
    .
    สอดรับกับ ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ประเด็น “ความคุ้มค่า” การเดินทางท่องเที่ยวระหว่างในประเทศกับต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในพื้นที่ท่องเที่ยวหลักอย่าง “ภูเก็ต” และ “เกาะสมุย” มีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวใกล้เคียงกับการเที่ยวต่างประเทศในแถบเอเชีย ส่งผลให้คนไทยเห็นว่าการออกเที่ยวต่างประเทศมีความคุ้มค่ามากกว่า! ทั้งยังตอบสนองรสนิยมที่ต้องการเที่ยวต่างประเทศอีกด้วย
    .
    “ปัญหาค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง ทำให้คนไทยใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น รวมถึงความผันผวนของราคาพลังงาน ส่งผลให้สินค้าและบริการปรับราคาสูงขึ้น โดยคนจะใช้จ่ายน้อยลงและลดความถี่ในการออกเดินทางท่องเที่ยว”
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1125214?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจBusiness

    https://www.facebook.com/share/p/kba6ToWC3LchoU7U/?mibextid=oFDknk
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    May 7, 2024 ลบออกหมด! เครดิตบูโรยืนยันลบข้อมูลลูกหนี้ทั้งหมดของบริษัทสมาชิกที่ลาออกจากเครดิตบูโร ลบทันทีในวันที่มีผล

    กรณีเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 บริษัทโคเวย์ (COWAY) ซึ่งขายเครื่องกรองน้ำจากเกาหลีใต้ ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกของเครดิตบูโร ซึ่งจะมีผลทําให้ลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ (การบริการ subscription รายเดือน) ของบริษัทฯ ทุกรายจะไม่มีชื่อและข้อมูลที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จํากัด อยู่ในระบบฐานข้อมูลของเครดิตบูโรอีกต่อไป ซึ่งการดําเนินการนี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 2567 เป็นต้นไป

    นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการลาออกของสมาชิกเครดิตบูโร มีดังนี้

    ตามที่มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกเครดิตบูโรนั้น ผมขอให้เรียนข้อมูลเพื่อความเข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้องดังนี้นะครับ

    1.การเข้าเป็นสมาชิกเครดิตบูโรนั้นเป็นเรื่องความสมัครใจของกิจการนิติบุคคลที่ดำเนินธุรกิจสินเชื่อซึ่งอาจจะเป็นบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบ้าน สินเชื่อธุรกิจ เช่าซื้อ หรือสินเชื่อเกษตร เป็นต้น

    2.นิติบุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นสถาบันการเงินตามคำนิยามของกฎหมายการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต ตัวอย่างเช่น ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารของรัฐ บริษัทบัตรเครดิต บริษัทเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์การเกษตร เป็นต้น

    3.หน้าที่ของสถาบันการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรตามกฎหมายโดยไม่ต้องขอความยินยอมคือ การส่งข้อมูลบัญชีสินเชื่อที่มีประวัติการชำระหนี้ของสินเชื่อประเภทนั้นๆ ว่ามียอดคงค้างเท่าไหร่ กู้เดี่ยวกู้ร่วม เปิดบัญชีเมื่อไหร่ ชำระครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ การผ่อนชำระแต่ละเดือนมีสถานะอย่างไร เป็นปกติ หรือค้างชำระ เป็นต้น โดยข้อมูลนั้นจะต้องมีความถูกต้อง ครบถ้วน ทันสมัย พร้อมใช้งาน ที่สำคัญในกรณีที่พบว่าข้อมูลอาจไม่ถูกต้อง ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง กฎหมายกำหนดให้สมาชิกต้องเป็นคนเข้าไปแก้ไขให้ตรงกับข้อเท็จจริง เครดิตบูโรถูกสั่งห้ามไม่ให้แก้ไขข้อมูลใดๆ เว้นแต่จะเข้าเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดเช่น ศาลสั่งให้แก้ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตสั่งให้แก้เป็นต้น และเมื่อส่งข้อมูลเข้าระบบแล้ว ในครั้งแรกของการส่งข้อมูล จะต้องมีหนังสือแจ้งว่าในฐานะสมาชิกได้ส่งข้อมูลอะไรให้กับเครดิตบูโร ตลอดจนเมื่อสิ้นปีก็ต้องส่งข้อมูลอีกว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ส่งข้อมูลอะไรให้กับเครดิตบูโร (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) การที่กฎหมายวางหลักให้การส่งข้อมูลเป็นหน้าที่ของสมาชิกก็เพราะว่า ข้อเท็จจริงทั้งหมดคนที่รู้คือเจ้าหนี้กับลูกหนี้ บุคคลที่สามที่ดูแลข้อมูลจะใช้วิธีการควบคุมคุณภาพข้อมูลตามมาตรฐานสากลมากลั่นกรอง สอบทานก่อนนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ ที่เราเรียกกันว่า กระบวนการควบคุมดูแลคุณภาพข้อมูล เช่น บัญชีนี้ถูกส่งมาว่าปิดบัญชีแล้วแต่ทำไมยังมียอดหนี้คงค้าง อย่างนี้ก็จะถูกสกัดออกไปเป็นต้น

    4.ทีนี้ก็มาถึงเรื่องการลาออกจากการเป็นสมาชิกของเครดิตบูโรครับ การลาออกก็เป็นไปด้วยความสมัครใจเช่นกัน อาจจะมีหลายสาเหตุเช่น ธุรกรรมน้อยไม่คุ้มกับการเป็นสมาชิก หยุดหรือเลิกกิจการ ถูกควบรวมกิจการ ไม่คิดว่าข้อมูลเครดิตที่ตนเองเรียกดูได้ภายใต้ความยินยอมในการวิเคราะห์สินเชื่อนั้นนั้นมีคุณค่าเพียงพอ หรือข้อมูลที่สมาชิกนำส่งนั้นมีปัญหามากต้องใช้เวลาแก้ไข จนส่งข้อมูลไม่ทันตามกำหนดเวลา มีการปรับเปลี่ยนระบบงานจนทำให้การส่งข้อมูลล่าช้า ส่งไม่ทันตามกำหนดได้ เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นเหตุผลทางธุรกิจ เหตุผลทางการบริหารจัดการข้อมูล อันนี้แล้วแต่ประเด็นสำคัญของสมาชิกเป็นสำคัญครับ

    5.สุดท้ายคือ เมื่อมีการลาออกจริงจากการเป็นสมาชิกเครดิตบูโรนะครับ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ เครดิตบูโรจะดำเนินการลบข้อมูลทั้งหมดที่มีอยู่ของบัญชีสินเชื่อที่มีการนำส่งเข้ามาครับ เคยส่งเข้ามา 3 เดือนย้อนหลังก็ลบทิ้งทั้งสามเดือน การลบทำลายคือจะไม่มีข้อมูลบัญชีสินเชื่อนั้นๆไม่ว่าจะเป็นสินเชื่ออะไรก็ตาม ภาษาชาวบ้านคือ ลบบัญชีที่ลูกหนี้มีอยู่กับเจ้าหนี้สมาชิกสถาบันการเงินที่ลาออกนั้นออกจากระบบฐานข้อมูลในวันที่การลาออกมีผลบังคับ

    อยากเรียนว่า การที่สถาบันการเงินจะเข้ามาเป็นสมาชิกก็จะมีกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติ ความสามารถในการส่งข้อมูล การดูแลความถูกต้องของข้อมูล การรักษาความลับและสิทธิ์ของลูกหนี้ผู้เป็นเจ้าของข้อมูลนะครับ ส่วนการลาออกก็เป็นสิทธิของสถาบันการเงินเช่นกัน ไม่มีการบังคับกัน ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย ไม่ได้มีอะไรพิเศษ พิสดาร หรือแปลกแตกต่างไปจากมาตรฐานสากล ภาษาชาวบ้านคือ เข้ามาเป็นเพราะเห็นประโยชน์ มีความสามารถเข้ามาได้ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่งข้อมูลได้ และเมื่อเห็นว่าไม่มีความจำเป็นก็ลาออกไปได้ครับ ทางผมมีหน้าที่ดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด เพราะมันมีกฎกติกาอยู่ครับ
    07.05.2567

    #เครดิตบูโร #หนี้ #หนี้บัตรเครดิต #หนี้เสีย #หนี้กำลังจะเสีย #เศรษฐกิจ #ไทย #BTimes

    https://www.facebook.com/share/Di7wt4YZSXXqMPm6/?mibextid=oFDknk
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    วัคซีนโควิดของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า กำลังถอน "การอนุญาตทางการตลาด (Marketing Authorisation)" ทั่วโลก โดยอ้างเหตุผลทางพาณิชย์เนื่องจากไม่มีการผลิตอีกแล้ว อย่างไรก็ตามความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นประจวบเหมาะพอดีกับข่าวคราวที่พวกเขายอมรับว่าวัคซีนดังกล่าวมีผลข้างเคียงทำให้ลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ แต่เกิดขึ้นน้อยมากๆ

    รายงานข่าวระบุว่าวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าไม่สามารถใช้ในสหภาพยุโรปได้อีกต่อไปแล้ว หลังจากบริษัทสมัครใจถอนใบอนุญาตทางการตลาด โดยการถอนใบอนุญาตดังกล่าวมีขึ้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม และมีผลบังคับใช้เมื่อวันอังคาร(7พ.ค.)

    ส่วนในสหราชอาณาจักรและประเทศอื่นๆ ที่อนุมัติวัคซีนดังกล่าวที่รู้จักภายใต้เชื่อ Vaxzevria จะมีการถอนใบอนุญาตแบบเดียวกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

    การตัดสินใจขอถอนใบอนุญาต จะนำมาซึ่งจุดสิ้นสุดของการใช้วัคซีนตัวนี้ ซึ่งหนหนึ่งเคยถูก บอริส จอห์นสัน ครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ป่าวประกาศเชิดชูว่าเป็นชัยชนะของวิทยาศาสตร์สหราชอาณาจักร และยกความดีความชอบสำหรับปกป้องชีวิตประชาชนมากกว่า 6 ล้านคน

    แอสตร้าเซนเนก้า ระบุว่าวัคซีนกำลังถูกถอนออกจากตลาดต่างๆด้วยเหตุผลทางการค้า เนื่องจากวัคซีนไม่มีการผลิตหรือจัดหาอีกต่อไปแล้ว และถูกแทนที่ด้วยวัคซีนรุ่นอัปเดทสำหรับรับมือกับตัวกลายพันธุ์ใหม่ๆ

    Vaxzevria อยู่ภายใต้การพินิจพิเคราะห์อย่างเข้มข้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นน้อยมากๆ ที่ก่อให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันและเกล็ดเลือดต่ำ โดย แอสตร้าเซนเนก้า ยอมรับในเอกสารที่ยื่นกับศาลสูงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า วัคซีนของพวกเขา "อาจก่อให้เกิดเคส ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน-ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือ TTS (Thrombosis with Thrombocytopenia Syndrome) ที่พบยากมากๆ"

    ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน-ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตอย่างน้อย 81 รายในสหราชอาณาจักรและบาดเจ็บรุนแรงอีกหลายร้อยราย ในขณะที่ แอสตร้าเซนเนก้า กำลังถูกฟ้องกลุ่มจากบรรดาผู้กล่าวหาว่าเป็นเหยื่อและญาติๆมากกว่า 50 นาย ในคดีที่ยื่นฟ้องร้องต่อศาลสูงแห่งหนึ่ง

    อย่างไรก็ตาม แอสตร้าเซนเนก้า ยืนยันว่าการตัดสินใจถอนใบอนุญาตวัคซีน ไม่เกี่ยวข้องกับคดีในศาลหรือการที่พวกเขาออกมายอมรับว่ามันก่อให้เกิดผลข้างเคียงภาวะลิ่มเลือดอุดตัน-ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ พร้อมชี้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญล้วนๆ

    ถ้อยแถลงของทางบริษัทระบุว่า "เราภาคภูมิใจอย่างยิ่งต่อบทบาทของ Vaxzevria ในการสิ้นสุดของโรคระบาดใหญ่โลก จากการประเมินโดยอิสระ คาดว่าแค่ปีแรกของการใช้งานเพียงปีเดียว วัคซีนของเราสามารถปกป้องชีวิตได้มากกว่า 6.5 ล้านชีวิตและมีการป้องวัคซีนแก่ทั่วโลกมากกว่า 3,000 ล้านโดส"

    "ความพยายามของเราได้รับการยอมรับจากรัฐบาลต่างๆทั่วโลกและถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของการสิ้นสุดโรคระบาดใหญ่" ถ้อยแถลงระบุ "นับตั้งแต่นั้นได้มีการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 สำหรับตัวกลายพันธุ์ขึ้นมา มีวัคซีนส่วนเกินในฉบับอัปเดท มันนำมาซึ่งอุปสงค์ที่ลดลงสำหรับ Vaxzevria ซึ่งไม่มีการผลิตหรือจัดหาอีกต่อไป ดังนั้นทาง แอสตร้าเซนเนก้า จึงตัดสินใจเริ่มถอนใบอนุญาตทางการตลาดสำหรับ Vaxzevria ภายในยุโรป"

    เทเลกราฟรายงานอ้างได้รับแจ้งว่า ทางบริษัทจะถอนใบอนุญาตทางการตลาดในประเทศอื่นๆเช่นกัน ในนั้นรวมถึงสหราชอาณาจักร ดินแดนที่ได้รับการอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบ ในขณะที่ แอสตร้าเซนเนก้า ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ใช้ในสหรัฐฯ

    ทางบริษัทระบุในถ้อยแถลงว่า "เราจะร่วมมือกับพวกเจ้าหน้าที่ควบคุมกฎระเบียบทั่วโลก ในการเริ่มดำเนินการถอนใบอนุญาตทางการตลาดสำหรับ Vaxzevria เนื่องจากไม่มีอุปสงค์ทางพาณิชย์เพิ่มเติมสำหรับวัคซีนตัวนี้อีกต่อไปแล้ว ตามที่คาดหมายไว้"

    (ที่มา:เทเลกราฟ)
    https://www.facebook.com/share/p/MngJtfAs4FpvjUhR/?mibextid=oFDknk
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Indonesia: ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมและลาวาเย็นในอินโดนีเซียเมื่อ 5 วันก่อน เพิ่มเป็น 57 คน

    ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมและลาวาเย็นในจังหวัดสุมาตราตะวันตกของอินโดนีเซีย เพิ่มเป็น 57 คน สูญหาย 22 คน จากการรายงานล่าสุดวานนี้ (14) ของสำนักภัยพิบัติในพื้นที่ประสบภัย 5 วันหลังเกิดน้ำท่วมและลาวาเย็นเมื่อคืนวันเสาร์ (11) ที่ผ่านมา

    น้ำท่วมและลาวาเย็นเกิดขึ้นหลังจากเกิดฝนตกหนัก สร้างความเสียหายแก่อาคารบ้านเรือน ถนนหนทาง และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ในหลายอำเภอในจังหวัดสุมาตราตะวันตก

    ด้านสำนักบริหารและบรรเทาภัยพิบัติจังหวัดสุมาตราตะวันตกเปิดเผยว่า ทีมค้นหาและกู้ภัยยังคงค้นหาผู้สูญหายหลัง 5 วันผ่านไป โดยทางบกเน้นการค้นหาตามจุดต่าง ๆ ที่คาดว่าอาจมีคนถูกทับอยู่ใต้ลาวาเย็น ส่วนทางน้ำ เน้นการค้นหาบริเวณปากแม่น้ำต่าง ๆ หลังจากที่กู้ร่างผู้เสียชีวิตได้หลายร่างจากแถวปากแม่น้ำหลายแห่ง เจ้าหน้าที่ใช้ทั้งเครื่องจักรหนักและอุปกรณ์ที่ใช้มือในปฏิบัติการค้นหา

    อิทธิพลจากเอล นีโญ่ ทำให้ฤดูฝนในอินโดนีเซียปีนี้ ยาวนานกว่าปกติ ทำให้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติถี่ขึ้น ที่มีสาเหตุจากฝนตกหนัก อย่างเช่นน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม

    —————
    ภาพ: Reuters

    #TNNWorldNews #อินโดนีเซีย #น้ำท่วม #ลาวาเย็น #ภัยพิบัติ #อาเซียน
    #เจาะลึกรอบโลก #TNNOnline #ข่าวต่างประเทศ #ข่าว #ต่างประเทศ
    ————
    อัปเดตข่าวไฮไลต์และบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ มาเป็นเพื่อนใน LINE กับ TNN World คลิก https://lin.ee/LdHJXZt

    ติดตาม TNN World ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่
    Website : https://bit.ly/TNNWorldWebsite
    Youtube : https://bitly.ws/3gBLX และ https://bitly.ws/3gBMb
    TikTok : https://bit.ly/TNNWorldTikTok
    Instagram: https://www.instagram.com/tnn_worldtoday/

    https://www.facebook.com/share/p/4V9gkZ53RKMQTzqu/?mibextid=oFDknk
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ราคาข้าวของต่างๆในอาร์เจนตินายังคงดีดตัวขึ้น แม้มีสัญญาณทางในบวกของการชะลอตัว ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อรายปีของชาติในละตินอเมริกาแห่งนี้ น่าจะแตะระดับเฉียดๆ 300% ครั้งที่รัฐบาลมีกำหนดเผยแพร่ข้อมูลล่าสุดในวันอังคาร(14พ.ค.)
    บรรดาพ่อค้าแม่ค้าและผู้บริโภค ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า แม้อัตราเงินเฟ้อรายเดือนจะชะลอตัวลงนับตั้งแต่แตะระดับพีคสุด 25% ในเดือนธันวาคม แต่ยังไม่สามารถสัมผัสได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อรายเดือน มีแนวโน้มที่เตรียมไหลกลับสู่ตัวเลขหลักเดียวในเดือนเมษายน ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน
    "มันไม่สำคัญว่าเงินเฟ้อจะลดลงมาเท่าไหร่ มันไม่สะท้อนความเป็นจริง ข้าวของต่างๆควรจะปรับลดราคาลงมา แต่ความจริงแล้วไม่เลย" จากความเห็นของ ซานดรา โบลุช แม่ค้าขายผักและผลไม้ในกรุงบัวโนสไอเรส
    เธอบอกว่าร้านของเธอจำเป็นต้องปรับเพิ่มเงินเดือนให้คนงาน เพราะค่าเช่าห้องแพงขึ้น ขณะที่ต้นทุนต่างๆอย่างเช่นถุงพลาติกก็สูงขึ้นเช่นกัน ปัจจัยต่างๆนานาเหล่านี้ก็ย้อนกลับเข้าสู่ราคาสินค้าอย่างเช่นแครอทและแอปเปิล "ราคาสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างมากและสะท้อนให้เห็นทุกหนทุกแห่ง การขนส่งแพงขึ้นกว่าเดิม ราคาดีเซลดีดตัวขึ้น ทุกๆอย่างแพงขึ้น ดังนั้นไม่สำคัญว่าเราพยายามมากน้อยแค่ไหนในการลดราคา เพราะเราไม่สามารถทำได้"
    รัฐบาลของประธานาธิบดีหัวเสรีนิยม ฆาบิเอร์ มิเลย์ ซึ่งรับมรดกตกทอดเป็นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ได้อวดอ้างเกี่ยวกับความสำเร็จในการปรับลดเงินเฟ้อรายเดือน ซึ่งอ่อนตัวลงในปีนี้ นับตั้งแต่ มิเลย์ เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 10 ธันวาคม เช่นเดียวกับแก้ไขปัญหาสกุลเงินเปโซอ่อนค่าลงอย่างหนัก
    มิเลย์ ผลักดันมาตรการรัดเข็มขัด ด้วยการปรับลดการใช้จ่ายและหาทางรักษาสภาพคล่องในตลาด ซึ่งได้รับการขานรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน และช่วยส่งเสริมสถานะทางการเงินของรัฐบาลและขับเคลื่อนการฟื้นตัวของตลาดทุนและพันธบัตรรัฐบาล
    อูเกนิโอ มาริ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทที่ปรึกษา Libertad and Progreso Foundation มองว่า "เขาก่อคลื่นความช็อคจากการรัดเข็มขัดทางการเงิน หยุดอัดฉีดเปโซเข้าสู่เศรษฐกิจ และส่งสัญญาณอย่างแข็งกร้าวเกี่ยวกับการรัดเข็มขัดทางการเงิน"
    ยารักษาทางเศรษฐกิจดังกล่าวก็ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเงินเดือนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจเช่นกัน แม้ มาริ เชื่อว่าสิ่งต่างๆน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ "การดิ่งลงอย่างมากในค่าจ้างจริงๆ หมายถึงการลดลงในอุปสงค์โดยรวม การลดลงในการบริโภค และแน่นอนการลดลงในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่น่าสนใจในตอนนี้คือ การปรับลดของเงินเฟ้อ เปิดประตูให้ค่าจ้างจริงๆมีโอกาสฟื้นตัว"
    โอเฟเลีย ดากีโน วัย 65 ปี ที่กำลังเดินออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง บอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าเงินเฟ้อชะลอตัว ในขณะที่กลุ่มคนเกษียณอายุทั้งหลาย เช่นเดียวกับแรงงานภาครัฐ ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดจากมาตรการรัดเข็มขัดของมิเลย์
    "ราคาข้าวของต่างๆยังคงแแพงอยู่ และเราชาวอาร์เจนตินาเหลืออำนาจในการซื้อเพียงเล็กน้อย" เขากล่าว "เราหวังว่าวิกฤตครั้งเลวร้ายนี้ จากการเสียสละของเรา จะมีแง่ดีบางประการและเราสามารถหลุดพ้นจากเรื่องนี้ เราสมควรได้รับมัน เราทุกคนและหลายชั่วอายุคนหลังจากนั้น"
    (ที่มา:รอยเตอร์)
    https://www.facebook.com/share/p/9qzBnRT92FpzH59z/?mibextid=oFDknk
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ชัดเจน หมดเงินซ่อมรถอีวีแพงกว่าซ่อมรถน้ำมันถึง 54% เฉลี่ยเคลมซ่อมรถอีวี 24,000 บาท/ครั้ง รถน้ำมันเฉลี่ยเคลม 13,500 ต่อ/ครั้ง ถูกกว่าเกือบ 2 เท่า BTimes

    May 15, 2024 เคลียร์ครบจบ! ไทยรับประกันภัยต่อเผย ซ่อมรถอีวีสูงกว่าถึง 54% เทียบค่าซ่อมรถเครื่องสันดาป เคลมซ่อมรถอีวีต่อครั้งเฉลี่ย 24,000 สูงกว่าเกือบ 2 เท่าของรถเครื่องน้ำมัน ซ่อมรถอีสีเจอะค่าอะไหล่แพงกว่าค่าแรงถึง 20%

    นายอรัญ ศรีว่องไทย ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า จากข้อมูลของบริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE เปิดเผยข้อมูลสถิติการซ่อมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวีเปรียบเทียบรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป หรือน้ำมันที่เข้าศูนย์บริการ ทำให้เห็นว่า รถอีวีมีความเสียหายสูงกว่าถึง 4% เทียบกับรถใช้น้ำมัน

    ในกรณี นำรถเข้าซ่อมอู่ทั่วไป ซึ่งหมายถึงอู่ในเครือของบริษัทประกันภัย จะพบว่า ค่าใช้จ่ายการซ่อมรถอีวีจะสูงมากถึง 54% เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายซ่อมรถใช้น้ำมันถึง เมื่อมาดูค่าซ่อมเฉลี่ยต่อการเคลมประกันใน 1 ครั้ง ปรากฎว่า มีค่าใช้จ่ายราว 24,000 บาท แต่เมื่อเทียบกับรถใช้น้ำมัน จะมีค่าใช้จ่ายที่ 15,500 บาท

    สำหรับค่าใช้จ่ายอะไหล่กับค่าแรงของรถอีวีนั้น พบว่าค่าอะไหล่อยู่ที่ราว 60% ส่วนค่าแรงการซ่อมรถอีวีอยู่ที่ประมาณ 40% ในขณะที่รถใช้น้ำมันนั้น สัดส่วนค่าอะไหล่กับค่าแรงจะเป็นอย่างละครึ่ง หรือ 50% ต่อ 50% เมื่อเปรียบเทียบรถที่ราคาเท่ากัน ค่าใช้จ่ายซ่อมรถอีวีจะอยู่ที่ 32,500 บาท ในขณะที่รถใช้น้ำมันจะอยู่ที่ 20,000 บาท

    ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยต่อไปว่า ในส่วนของรถอีวีเข้าซ่อมศูนย์มีสัดส่วนสูงถึง 90% ในขณะที่นำรถอีวีไปเข้าซ่อมอู่ทั่วไปมีแค่ 10% ส่วนรถใช้น้ำมันนำเข้าซ่อมศูนย์มีแค่ 45% เนื่องจาก รถอีวียังไม่ค่อยมีอู่ทั่วไปที่สามารถรับซ่อมรถอีวีได้

    #ค่าซ่อม #ซ่อมรถ #ซ่อมอู่ #รถอีวี #รถไฟฟ้า #รถยนต์ #รถน้ำมัน #ประกันภัย #ค่าแรง #ค่าอะไหล่ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/YBrq1sCzhQRSNgC3/?mibextid=oFDknk
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    May 15, 2024 ลดให้ ! การไฟฟ้านครหลวงให้ส่วนลดค่าไฟ 19.05 สตางค์ต่อหน่วย ผู้ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ตั้งแต่ พ.ค. – ส.ค. 67

    ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในคราวประชุมวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 มีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการ ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชนตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งเป็นมาตรการต่อเนื่องจากมาตรการเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือนเมษายน 2567 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยในส่วนมาตรการด้านไฟฟ้า ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 19.05 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม 2567

    ทั้งนี้ MEA ประชาชนระมัดระวังการรับข้อมูลจากช่องทางการสื่อสารในสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ซึ่งอาจมีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และทำให้ประชาชนเกิดความสับสนได้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือสอบถามข้อมูลค่าไฟฟ้าได้ที่ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของ MEA ได้แก่ Facebook: การไฟฟ้านครหลวง MEA X: @mea_news และ Line: MEA Connect (@MEAthailand) สัญลักษณ์โล่สีเขียวนำหน้าชื่อบัญชีทางการ เลือกเมนู ติดต่อ MEA Call Center Online 1130 ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook(เฟซบุ๊ก): https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube(ยูทูป): https://m.youtube.com/c/MisterBan
    TikTok(ติ๊กตอก): https://www.TikTok.com/@btimes_ch3
    X (เอ็กซ์): https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads(เทร็ดส์): https://www.threads.net/@btimes.ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    Podcast(พ็อดคาสท์): https://btimes.podbean.com/

    #การไฟฟ้านครหลวง #ค่าไฟฟ้า #ค่าไฟ #ส่วนลดค่าไฟ #MEA #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/zXP1GbQhZSkXunae/?mibextid=oFDknk
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘ชาวนิวซีแลนด์’ อพยพออกนอกประเทศมากที่สุดเป็นประวัติการณ์! ผลจากเศรษฐกิจซบเซา โอกาสงานมีจำกัด
    .
    จากประเทศที่เป็นดั่งสวรรค์ของผู้มาเยือน ล่าสุด “ชาวนิวซีแลนด์” ได้ละทิ้งบ้านเกิดแตะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ดอกเบี้ยประเทศสูง และหางานลำบาก
    .
    “นิวซีแลนด์” ดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์อันงดงาม อากาศบริสุทธิ์ และการท่องเที่ยวแนวผจญภัยบนเกาะเหนือและเกาะใต้ มักถูกยกย่องให้เป็น "สวรรค์บนดิน" ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสธรรมชาติอันสมบูรณ์
    .
    ทว่าภายใต้ภาพลักษณ์ที่สวยงามก็เพิ่งมีรายงานข่าวที่ชวนให้ประหลาดใจ เมื่อสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นิวซีแลนด์กำลังประสบปัญหา ประชาชนแห่อพยพออกนอกประเทศ “มากที่สุดเป็นประวัติการณ์” ในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ซบเซา และโอกาสทางการงานมีจำกัด
    .
    สำนักงานสถิติแห่งชาตินิวซีแลนด์ รายงานวันนี้ (14 พ.ค.) ว่า มีพลเมืองสัญชาตินิวซีแลนด์จำนวน 78,200 คน เดินทางออกนอกประเทศในช่วงปีสิ้นสุดเดือน มี.ค. ซึ่ง “เพิ่มขึ้น” จากจำนวน 74,900 คน ในช่วงปีสิ้นสุดเดือน ก.พ.
    .
    เมื่อปรับกับจำนวนพลเมืองส่วนหนึ่งที่เดินทางกลับประเทศบ้านเกิดแล้ว ยอดผู้ย้ายออกสุทธิ ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ที่ 52,500 คน ซึ่ง “เป็นครั้งแรก” ที่ตัวเลขนี้เกินกว่า 50,000 คน
    .
    เหตุผลที่เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ เป็นเพราะว่าอัตราดอกเบี้ยของประเทศที่สูง จนกระทบการใช้จ่ายของผู้บริโภคและความเชื่อมั่นทางธุรกิจ โดยมีการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดที่ชี้ว่า ความต้องการจ้างงานลดลง ชาวนิวซีแลนด์จึงหันไปหางานทำในออสเตรเลียและตลาดต่างประเทศอื่น ๆ แทน ซึ่งมีค่าจ้างที่น่าดึงดูดใจกว่า
    .
    อีกทั้งหน่วยงานสาธารณสุขและตำรวจของออสเตรเลียได้ฉวยโอกาสนี้ ดึงดูดบุคลากรฝีมือดีจากนิวซีแลนด์เข้าร่วมทีม โดยเสนอแพ็กเกจเงินเดือนและสวัสดิการที่น่าสนใจ
    .
    อ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.bangkokbiznews.com/world/1126769?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/YNH7g8QWsDcmncRR/?mibextid=oFDknk
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ‘โรคระบาด’ รุนแรงมากขึ้น เพราะภาวะโลกรวน-เอเลี่ยนสปีชีส์ ยิ่งร้อน เชื้อโรคยิ่งโตไว แพร่พันธุ์เร็ว
    .
    งานวิจัยพบว่าการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาวะโลกรวน มลพิษทางเคมี การรุกรานของสิ่งมีชีวิตต่างถิ่น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ “โรคระบาด” และ “โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน” รุนแรงมากขึ้น เชื้อโรคปรับตัวเพื่อเอาชีวิตรอดได้ดีมากกว่าเดิม
    .
    “โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน” กลายเป็นกลุ่มโรคที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปัจจุบัน 3 ใน 4 ของโรคอุบัติใหม่ในมนุษย์เป็นที่มีสัตว์เป็นพาหะทั้งสิ้นรวมไปถึงโรคไข้หวัดหมูและไข้หวัดนก H5N1 ที่เพิ่งระบาดไปเมื่อไม่นานนี้เช่นกัน และดูเหมือนความรุนแรงของโรคในระยะหลังจะรุนแรงขึ้นมากกว่าเดิม งานวิจัยล่าสุดพบว่า การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ “โรคระบาด” รุนแรงยิ่งขึ้น
    .
    ยิ่งมนุษย์ทำให้สภาพแวดล้อมของโลกเสื่อมโทรมลงมากเท่าไหร่ พวกเรากำลังสร้างโอกาสให้เกิด “โรคระบาด” เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้สัตว์และแมลงพาหะนำโรค เช่น ยุงและเห็บ สามารถเจริญเติบโตได้ดีบนโลกที่ร้อนยิ่งขึ้นจาก “การปล่อยก๊าซเรือนกระจก” ตามข้อมูลจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature
    .
    โลกยิ่งร้อน “เชื้อโรค” ยิ่งแพร่เร็ว
    .
    ผลการศึกษาพบว่า ปรสิตเหมาะกับการอยู่อาศัยในโลกที่ร้อนขึ้น มากกว่ามนุษย์และสิ่งมีชีวิตใด ๆ เจสัน โรห์ ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพแห่งมหาวิทยาลัยนอเตอร์เดมและหนึ่งในผู้เขียนงานวิจัยกล่าวว่า โลกที่ร้อนขึ้นและการทำลายธรรมชาติของมนุษย์จะทำให้ปรสิตและเชื้อโรคสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ
    .
    หากโรคระบาดแพร่กระจายมากขึ้นในหมู่สรรพสัตว์ และมีโอกาสสัตว์เหล่านั้นจะนำเชื้อโรคใหม่ ๆ มาสู่มนุษย์ได้ ดังเช่นที่เคยนำเชื้อไวรัสโควิด-19 ไข้หวัดหมูและไข้หวัดนก H5N1 แพร่มาสู่มนุษย์
    .
    นั่นหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทำให้เราเพิ่มความเสี่ยงของการระบาดใหญ่ในอนาคต แม้ว่าผลการวิจัยจะดูน่ากลัว แต่เน้นย้ำว่าการกระทำเพื่อปกป้องโลกสามารถช่วยลดการเกิดโรคระบาดได้เช่นกัน
    .
    นักวิจัยได้วัดผลกระทบจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดจากมนุษย์ต่อโรคต่าง ๆ ด้วยการเปรียบเทียบการสังเกตรูปแบบการติดเชื้อทั่วโลกกับความชุกของโรคโดยเฉลี่ย ในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งพบว่าโดยธรรมชาติแล้วความหลากหลายทางชีวภาพที่ลดลงสัมพันธ์กับการลดลงของโรค แต่ถ้ามนุษย์เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ก็มีโอกาสที่จะเกิดโรคเพิ่มมากขึ้น
    .
    นักวิจัยพบว่าระดับความรุนแรงของโรคและจำนวนการเสียชีวิตจากโรคในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่เกิดจากมนุษย์เลวร้ายกว่าโรคเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเกือบ 9 เท่า
    .
    การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพมีบทบาทอย่างมากในการเพิ่มเสี่ยงและความรุนแรงของโรค นักวิทยาศาสตร์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าความหลากหลายทางชีวภาพสามารถป้องกันโรคได้ด้วยตามทฤษฎี “Dilution Effect” ที่กล่าวว่า ปรสิตและเชื้อโรคอาศัยการมีโฮสต์มากมายเพื่อความอยู่รอด จะพัฒนาไปเพื่อสนับสนุนสายพันธุ์ที่พบได้ทั่วไป มากกว่าที่จะเป็นพันธุ์ที่หายาก
    .
    โรห์กล่าว และเมื่อความหลากหลายทางชีวภาพลดลง สัตว์หายากมักจะสูญพันธุ์ไปก่อน นั่นหมายความว่าสายพันธุ์ที่ยังคงอยู่คือสายพันธุ์ที่สามารถแพร่โรคได้ดีมาก นอกจากนี้นักวิจัยยังพบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเข้ามาของเอเลี่ยนสปีชีส์เชื่อมโยงกับการทำให้โรคแย่ลงกว่าเดิม แม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่ากับผลกระทบของการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพก็ตาม
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1126725?anm=
    .
    ที่มา:
    The New York Times: https://bit.ly/4alJm4Y
    The Washington Post: https://bit.ly/3wxPbP8
    .
    #โรคระบาด #ภาวะโลกรวน #เอเลี่ยนสปีชีส์ #โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน #เชื้อโรค
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจSustain #กรุงเทพธุรกิจClimate

    https://www.facebook.com/share/p/yW4kF1LZMLLvTZxU/?mibextid=oFDknk
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เศรษฐกิจซบ หนี้ครัวเรือนสูง ยอดปฏิเสธบ้านต่ำ 3 ล้าน พุ่ง 70% รับคุณภาพลูกหนี้ด้อยลง
    .
    ธปท.เปิดรายงาน “สินเชื่อภาคอสังหาฯ” พบ ไตรมาสแรกวูบ ทั้ง “ยอดปล่อยกู้ใหม่” และ “บ้านมือสอง” “เคเคพี” คาดยอดปล่อยกู้บ้านลด เหตุแข่งขันด้านดอกเบี้ยปล่อยกู้กลุ่มตลาดบน “ดุเดือด” “ซีไอเอ็มบีไทย” เผยแบงก์ปฏิเสธสินเชื่อบ้านต่ำ 3 ล้าน พุ่ง 70% หลังคุณภาพผู้กู้แย่ลง
    .
    ล่าสุดรายงานสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการเปิดเผยตัวเลขสินเชื่อไตรมาสแรก โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยของระบบแบงก์ไทย (Post finance) พบว่า ไตรมาสแรก อยู่ที่ 2.72 ล้านล้านบาท ลดลงหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่ยอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.73 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะอาคารชุดยอดปล่อยสินเชื่อลดลงมาอยู่ที่ 6.23 แสนล้านบาท หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 6.28 แสนล้านบาท เช่นเดียวกันการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้ออาคารพาณิชย์ ที่พบว่า ปรับลดลงเช่นกันมาอยู่ที่ 1.61 แสนล้านบาท จาก 1.63 แสนล้านบาท
    .
    สอดคล้องกับตัวเลขจำนวนบัญชีสินเชื่อปล่อยใหม่ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.38 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 2.57 หมื่นล้านบาท ลดลงทั้งแนวราบ และอาคารชุด แนวราบลดลงเหลือ 1 หมื่นล้านบาท จาก 1.19 หมื่นล้านบาทในไตรมาสก่อน ส่วนอาคารชุดลดลงเหลือ 5.5 พันล้านบาท จาก 5.8 พันล้านบาท ขณะที่ยอดรีไฟแนนซ์ ในไตรมาสนี้ ลดลงเช่นกัน มาอยู่ที่ 7.6 พันล้าน จาก 8พันล้านบาท
    .
    หากดูค่าเฉลี่ย LTV ratio ของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งใหม่และเก่า ไม่รวมสินเชื่อ top up พบว่าอยู่ที่ 89.55% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ 89.65%หากเทียบกับสินเชื่อรวม
    .
    กังวลปล่อยกู้ ‘บ้าน-รถ’ ศก.ซบ-เครดิตผู้กู้ด้อยลง
    .
    ทั้งนี้ ภาพรวมสินเชื่อภาคอสังหาที่ลดลง ถือว่าสอดคล้องกับ รายงานผลสำรวจและภาวะแนวโน้มสินเชื่อของธปท.จากผลสำรวจ พบว่า ความต้องการสินเชื่อครัวเรือนไตรมาสแรกที่ผ่านมา คาดว่าโดยรวมสินเชื่อทรงตัว ขณะที่ความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปรับลดลง ตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อตลาดที่ซบเซา ประกอบกับต้นทุนการกู้ยืมที่อยู่ในระดับสูง
    .
    ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาส 2 ความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะทรงตัว แม้การส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น ส่วนมาตรฐานการให้สินเชื่อพบว่า สถาบันการเงินยังเข้มงวดปล่อยสินเชื่อครัวเรือนทุกประเภทสินเชื่อ จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจและจากความน่าเชื่อถือด้านเครดิตของผู้กู้ ทั้งยังแสดงความกังวลต่อคุณภาพสินเชื่อที่แย่ลงในทุกสินเชื่อ คาดว่าในไตรมาส 2 สถาบันการเงิน จะยังเข้มงวดปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากคุณภาพสินเชื่อที่แย่ลง
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/finance/investment/1126893?anm=
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    https://www.facebook.com/share/p/zvnBTNBY5YAV6wDC/?mibextid=oFDknk
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    FB_IMG_1715759485929.jpg
    "อาร์เจนตินา" ชนะวิกฤตเงินเฟ้อแล้ว ?
    สั่งหั่นดอกเบี้ยทีเดียว -10% !
    ปรับลดจาก 50% ลงมาเหลือ 40% หลังสามารถกดเงินเฟ้อที่เคยสูงเฉียด +300% ปีที่แล้วลงมาเหลือเพียง +8.8% ในเดือนที่ผ่านมา

    อาร์เจนตินาก้าวพ้นวิกฤตเงินเฟ้อหรือยัง ?

    #อาร์เจนตินา เผชิญกับวิกฤตเงินเฟ้อรุนแรงมาอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อเคยพุ่งสูงเกิน 100% ในปี 2565 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและค่าครองชีพของประชาชนอย่างหนัก

    อย่างไรก็ตามภายใต้การนำของประธานาธิบดี Javier Milei รัฐบาลอาร์เจนตินาได้ดำเนินมาตรการนโยบายการเงินที่เข้มข้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง

    จนล่าสุดเช้านี้ ทางธนาคารกลางอาร์เจนตินาได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดการเงินด้วยการตัดสินใจ #ลดอัตราดอกเบี้ย ลงครั้งเดียวถึง -10% จาก 50% เหลือ 40%

    การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังจากอัตราเงินเฟ้อของอาร์เจนตินาลดลงมาอยู่ที่ +8.8% ในเดือนเมษายน ซึ่งถือเป็นตัวเลขต่ำที่สุดในรอบ 1 ปี

    นักวิเคราะห์การเงินตั้งคำถามว่า "การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้อาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับมาพุ่งสูงอีกครั้งหรือไม่ ?"

    รัฐบาลอาร์เจนตินามีความมั่นใจในมาตรการควบคุมเงินเฟ้อของตน และเชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้

    ทำให้ตอนนี้อาจยังเร็วเกินไปที่จะสรุปว่า อาร์เจนตินาจะสามารถเอาชนะวิกฤตเงินเฟ้อได้อย่างถาวรหรือไม่ ? เพราะยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องติดตามต่อไป เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ นโยบายการเงินของประเทศอื่นๆ และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

    ประชาชนชาวอาร์เจนตินาต่างมีความหวังว่า เศรษฐกิจของประเทศจะกลับมาฟื้นตัว และค่าครองชีพจะกลับมาอยู่ในระดับที่พวกเขาสามารถจ่ายได้

    https://www.facebook.com/share/p/jKniiiFtwEHuSpqp/?mibextid=oFDknk
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    FB_IMG_1715761518238.jpg

    (May 15) ธปท.ชี้ ไตรมาสแรกศก.ซบ-หนี้เสียพุ่งฉุด'สินเชื่อบ้าน'ดิ่ง: ธปท.เปิดรายงาน "สินเชื่อ ภาคอสังหาฯ" พบ ไตรมาสแรกสินเชื่อบ้านระบบ ธนาคารไทยวูบ ทั้ง "ยอดปล่อยกู้ใหม่" และ "บ้านมือสอง" ผลสำรวจสินเชื่อแบงก์เข้มปล่อยกู้ กังวลหนี้ คุณภาพลูกหนี้ เศรษฐกิจชะลอตัว -ดอกเบี้ยสูง "เคเคพี" เผยแข่งขันด้านดอกเบี้ยปล่อยกู้กลุ่มตลาดบน "ดุเดือด" เน้นคุมปล่อยกู้ แบบคุณภาพไม่เน้นปริมาณ "ซีไอเอ็มบีไทย" เผย แบงก์ปฏิเสธสินเชื่อบ้านต่ำ 3 ล้าน พุ่ง 70%

    ล่าสุดรายงานสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการเปิดเผยตัวเลขสินเชื่อไตรมาสแรก โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยของระบบแบงก์ไทย (Post finance) พบว่า ไตรมาสแรก อยู่ที่ 2.72 ล้านล้านบาท ลดลงหากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่ยอดสินเชื่อ รวมอยู่ที่ 2.73 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะอาคารชุด ยอดปล่อยสินเชื่อลดลงมาอยู่ที่ 6.23 แสนล้านบาท หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 6.28 แสนล้านบาท เช่นเดียวกันการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้ออาคารพาณิชย์ ที่พบว่า ปรับลดลงเช่นกันมาอยู่ที่ 1.61 แสนล้านบาท จาก 1.63 แสนล้านบาท

    สอดคล้องกับตัวเลขจำนวนบัญชีสินเชื่อปล่อยใหม่ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.38 หมื่นล้านบาท ลดลงจาก 2.57 หมื่นล้านบาท ลดลงทั้งแนวราบ และอาคารชุด แนวราบลดลงเหลือ 1 หมื่นล้านบาท จาก 1.19 หมื่นล้านบาทในไตรมาสก่อน ส่วนอาคารชุด ลดลงเหลือ 5.5 พันล้านบาท จาก 5.8 พันล้านบาท ขณะที่ยอดรีไฟแนนซ์ ในไตรมาสนี้ ลดลงเช่นกัน มาอยู่ที่ 7.6 พันล้าน จาก 8 พันล้านบาท

    หากดูค่าเฉลี่ย LTV ratio ของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งใหม่และเก่า ไม่รวมสินเชื่อ top up พบว่าอยู่ที่ 89.55% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ 89.65%หากเทียบกับสินเชื่อรวม

    ศก.ซบ-เครดิตผู้กู้ด้อยลง

    ทั้งนี้ ภาพรวมสินเชื่อภาคอสังหาฯที่ลดลง ถือว่าสอดคล้องกับ รายงานผลสำรวจและภาวะแนวโน้มสินเชื่อของ ธปท.จากผลสำรวจ พบว่า ความต้องการสินเชื่อครัวเรือนไตรมาสแรกที่ผ่านมา คาดว่าโดยรวมสินเชื่อทรงตัว ขณะที่ความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยปรับลดลง ตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อตลาดที่ซบเซา ประกอบกับต้นทุนการกู้ยืมที่อยู่ในระดับสูง

    ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาส 2 ความต้องการสินเชื่อ เช่าซื้อรถยนต์ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะทรงตัว แม้การส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ จะปรับตัวดีขึ้น ส่วนมาตรฐานการให้สินเชื่อพบว่า สถาบันการเงินยังเข้มงวดปล่อยสินเชื่อครัวเรือนทุกประเภทสินเชื่อ จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจและจากความน่าเชื่อถือด้านเครดิตของผู้กู้ ทั้งยังแสดงความกังวลต่อคุณภาพ สินเชื่อที่แย่ลงในทุกสินเชื่อ คาดว่าในไตรมาส 2 สถาบันการเงิน จะยังเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ เพิ่มขึ้นจากคุณภาพสินเชื่อที่แย่ลง

    แข่งปล่อยกู้บ้านลูกค้ากลุ่มบน

    นายภัทรพงศ์ รักตะบุตร ประธานสายธุรกิจ สินเชื่อรายย่อย และประธานสายเครือข่ายสาขา ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) กล่าวว่า สินเชื่อของธนาคารที่ปรับลดลง ส่วนหนึ่ง มาจากการแข่งขันของดอกเบี้ยสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับบน

    โดยปกติ สินเชื่อบ้านของ KKP อยู่ในกลุ่มลูกค้าระดับบน (Mass Affluent) ในขณะที่ กลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ธนาคารไม่ได้ลงไปแข่งขันปล่อยสินเชื่อ จึงไม่ได้รับกระทบจากสถานการณ์หนี้เสียในลูกค้ากลุ่มดังกล่าว

    สำหรับ พอร์ตโดยรวมของสินเชื่อบ้านของกลุ่มลูกค้าระดับบน (Mass Affluent) ปัจจุบันถือหนี้เสียจัดว่าอยู่ในระดับทรงตัว

    ทั้งนี้ สำหรับพอร์ตสินเชื่อบ้านโดยรวมของธนาคาร เน้นการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามยุทธศาสตร์ การเติบโตแบบคัดสรร (Selective Growth) โดยมุ่งเน้นคุณภาพ มากกว่าปริมาณ

    ปฏิเสธสินเชื่อบ้านต่ำกว่า3ล้าน พุ่ง

    นายเอกสิทธิ์ พฤฒิพลากร ผู้บริหารผลิตภัณฑ์ธุรกิจรายย่อย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย (CIMB) กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อรายย่อยปีนี้ถือว่ายากมากขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน จากข้อมูลภาพรวมอสังหาฯ คาดการณ์สินเชื่อบ้านปีนี้เติบโตที่ 3% แต่ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ชะลอตัว ลงเหลือ 1.8% เท่านั้น หลักๆ มาจากภาวะเศรษฐกิจ ชะลอตัว นักท่องเที่ยวที่เข้ามาไม่ได้เติบโตเหมือนที่คาดไว้ ขณะที่หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงขึ้น ส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อโดยรวมแบงก์ยังคงเข้มปล่อยในการปล่อยสินเชื่อ จากคุณภาพผู้กู้ที่ด้อยลงด้วย

    โดยเฉพาะ บ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่พบว่าปัจจุบัน มียอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 70% จากเดิม 50-60% เนื่องจากคุณภาพผู้กู้ด้อยลงมาก เนื่องจากทิศทางหนี้เสียเพิ่มสูงขึ้น และภาระค่าใช้จ่ายของผู้กู้เพิ่มสูงขึ้น

    "วันนี้เราเห็นคนผ่อนขั้นต่ำบัตร 8% ไม่ไหวเยอะขึ้น เช่นเดียวกับสินเชื่ออื่นๆ ที่มีปัญหามาด้วย เพราะเศรษฐกิจเราไม่ได้ดี ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อรายย่อยไตรมาสแรกปีนี้หายไปราว 30% ที่ไม่ถึงเป้า หลักๆ เป็นสินเชื่อบ้านที่หายไป และช่วงหลังจะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยขึ้น แต่ในส่วน สินเชื่อบ้านแบงก์แข่งปล่อยกู้อยู่ไม่เกิน 3% หรือ 3% ต้นๆ สะท้อนว่าการแข่งขันสูงขึ้น สวนทางคุณภาพหนี้ผู้กู้น้อยลง ดังนั้น แบงก์จึงยอมแบกภาระต้นทุนมากขึ้น"

    หนี้ครัวเรือนสูงฉุดสินเชื่อบ้านดิ่ง 0.2%

    นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่ออสังหาฯโดยรวมที่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งมาจากยอดคืนหนี้ ในช่วงไตรมาสแรกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถือเป็นฤดูกาลในช่วงไตรมาสแรกทุกปี ที่ผู้กู้มีการคืนหนี้มากขึ้น เมื่อได้รับเงินเดือนหรือโบนัสในช่วงต้นปี

    อย่างไรก็ตาม คาดว่ายังมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง และภาพรวมหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูง ที่เป็นตัวกดดันให้การปล่อยกู้ปรับ ลดลงได้

    โดยหากดูยอดปล่อยสินเชื่อบ้านคงค้างของระบบแบงก์ โดยรวมในไตรมาสแรก พบว่าอยู่ที่ 2.72 ล้านล้านบาท ลดลงราว 0.2% หากเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนหน้าที่สินเชื่อบ้านรวมอยู่ที่ 2.73 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ พบสินเชื่อมีการเติบโตชะลอตัวลง ในไตรมาสแรกปีนี้ มาเติบโตเพียง 1% หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน ที่สินเชื่อบ้านโดยรวมจะขยายตัวอยู่ที่ 1.3% สะท้อนภาพของกิจกรรมในภาคอสังหาฯ และภาวะเศรษฐกิจ ที่ยังไม่ฟื้นตัว ที่มีผลต่อกำลังซื้อของผู้กู้ มากขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย อยู่ระหว่างการมอนิเตอร์และทบทวนประมาณการการเติบโตสินเชื่อบ้านของระบบแบงก์ไทยปีนี้ ซึ่งมีโอกาสได้ทั้งปรับลดลง และเพิ่มขึ้น จากประมาณการเดิมที่คาดสินเชื่อบ้านจะขยายตัวมาอยู่ที่ 2.77-2.79 ล้านล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 2-2.6% ปีนี้

    "ภาพรวมสินเชื่อบ้านที่ลดลง และการขยายตัวชะลอลงจากปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากครัวเรือนมีหนี้เยอะขึ้น และเซ็กเมนต์ที่สามารถกู้ได้เฉพาะบางกลุ่มรายได้เท่านั้น และจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวด้วย บวกกับช่วงไตรมาสแรกเป็นช่วงฤดูกาลที่มียอดคืนสินเชื่อเยอะ ทำให้ยอดคงค้างสินเชื่อบ้านลดลงด้วย"
    Source - กรุงเทพธุรกิจ
    เพิ่มเติม
    - รายงานสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ : https://app.bot.or.th/BTWS_STAT/statistics/BOTWEBSTAT.aspx?reportID=935&language=TH
    - รายงานภาวะสินเชื่อของสถาบันการเงินในไตรมาส 1/2567 และแนวโน้มในไตรมาส 2/2567
    https://www.bot.or.th/content/dam/b...t-conditions-report/LoanSurvey-TH-2567-Q1.pdf
    https://www.facebook.com/share/EZaDZtU9BnAihtQj/?mibextid=oFDknk
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,083
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (May 15) แบงก์เร่งตัดขายหนี้เน่า 1.6 แสนล. ยกแผง "โรงเหล็ก-โรงแรม-โรงสี": แบงก์เร่งตัดขายหนี้เสีย 1.6 แสนล้าน บริษัทบริหารสินทรัพย์ "BAM-KCC" ประสานเสียงแบงก์ตัดขายลูกหนี้ธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ "โรงเหล็ก" ที่ปิดตัวจากผลกระทบเหล็กจีนดัมพ์ราคาแบกต้นทุนไม่ไหว รวมทั้ง "โรงแรม-โรงสี-ธุรกิจรับเหมา" หางเลขงบฯล่าช้า-หนี้สูง-ดอกเบี้ยแพง-กู้ใหม่ไม่ได้ "JMT-CHAYO" เผยแบงก์โละหนี้รายย่อยยกแผง "บ้าน-รถยนต์" ทะลักตามภาวะเศรษฐกิจชะลอ ศูนย์วิจัยกสิกรฯชี้ ธนาคารเร่งจัดการหนี้เสียเชิงรุก "ตัดหนี้สูญ-ตัดขาย-ปรับโครงสร้าง" หนี้เน่าคงค้างทะลุ 5 แสนล้านบาท
    # เร่งตัดขายหนี้เน่า 1.6 แสน ล.
    นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมการตัดขายหนี้ของสถาบันการเงินในปี 2567 น่าจะอยู่ที่ราว 140,000-160,000 ล้านบาท โดยครอบคลุมทั้งหนี้รายย่อย ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และหนี้รายใหญ่ ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจะเห็นว่าแแบงก์มีการตัดขายหนี้ในกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ (คอร์ปอเรต) เพิ่มขึ้นชัดเจน จากเดิมที่มีการตัดขายหนี้กลุ่มนี้น้อยมาก ๆ
    โดยหนี้ธุรกิจรายใหญ่ที่พบมากได้แก่ โรงงานเหล็ก ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ซื้อวัตถุดิบมาแปรรูปในโรงงานไทย ซึ่งมีต้นทุนทางด้านพลังงานและต้นทุนอื่น ๆ ค่อนข้างสูง และมาเจอมาตรการ Zero Tax ของจีน ที่ไม่มีกำแพงภาษี ขณะที่จีนมีศักยภาพการผลิตที่ล้น สามารถกดราคาลงต่ำกว่าต้นทุนเพื่อแข่งขัน ทำให้ผู้ประกอบการไทยไม่สามารถแข่งได้ เพราะมีต้นทุนที่สูงกว่า ทำให้ต้องปิดโรงงานในที่สุด
    # "โรงเหล็ก-โรงแรม" พรึ่บ
    นายบัณฑิตกล่าวว่า นอกจากกลุ่มโรงเหล็ก ยังมีกลุ่มโรงแรมขนาดเล็ก ที่แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัว แต่บางโรงแรมที่มีหนี้สูง ภาระดอกเบี้ยสูง ไม่สามารถกู้เงินใหม่มาปรับปรุงได้ ทำให้โรงแรมไม่สามารถเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้ กลุ่มนี้จะเห็นการตัดขายออกมา เพื่อเปลี่ยนมือ เปลี่ยนเจ้าของใหม่ อย่างไรก็ดี ราคาซื้ออาจจะปรับลดลง หรือมีราคาส่วนลด (Discount Rate) เนื่องจากผู้ซื้อมีต้นทุนทางการเงินหรือดอกเบี้ยสูง ทำให้ราคาซื้ออาจจะไม่สูงมาก
    "ตั้งแต่ต้นปี แบงก์มีการตัดขายหนี้ออกมาแล้ว 5-6 หมื่นล้านบาท โดยหนี้คอร์ปอเรตส่วนใหญ่มาเป็นพอร์ต เช่น มูลหนี้ 1,000 ล้านบาท แต่จะขายเป็นรายชิ้น ทั้งโรงเหล็ก โรงแรม โรงสี ส่วนหนี้พวกรถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล น่าจะสูงมากเหมือนกัน เพราะยิ่งเข้าช่วงเปิดเทอม ผิดนัดชำระหนี้จะยิ่งสูง อย่างไรก็ดี แบงก์ก็น่าจะรู้ว่าหนี้ที่ออกมาขายเยอะก็น่าจะขายไม่ได้ทั้งหมด เพราะคนซื้อมีกำลังจำกัด"
    # 5 เดือนแบงก์โละหนี้เน่า 6 หมื่น ล.
    นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล หรือ KCC เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทได้รับเชิญจากสถาบันการเงินเข้าร่วมประมูลหนี้แล้วกว่า 6 หมื่นล้านบาท โดยมีทั้งกลุ่มหนี้บ้าน ธุรกิจเอสเอ็มอี และธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นต้น
    ทั้งนี้ แนวโน้มหนี้เสียที่เห็นสัญญาณเพิ่มขึ้นจะเป็นสินเชื่อประเภทที่อยู่อาศัยและเช่าซื้อ เนื่องจากไทยเพิ่งฟื้นตัวจากโควิด-19 และมาเจอปัญหางบประมาณล่าช้า ทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจหายไป แม้ว่าภาคท่องเที่ยวจะขยายตัว แต่การส่งออกยังคงติดลบ ส่งผลให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อน้อยลง สะท้อนจากยอดปฏิเสธสินเชื่อปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ซึ่งกดดันการชำระหนี้ อย่างไรก็ดี คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จะปรับตัวดีขึ้นตามสัญญาณการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
    # "เอสเอ็มอี-รับเหมา"
    นายทวีกล่าวว่า อย่างไรก็ดี หนี้ที่มีการประมูลส่วนใหญ่จะเป็นหนี้บ้านและหนี้ธุรกิจ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาพบว่าธนาคารมีการตัดขายหนี้เอสเอ็มอีเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานเหล็ก รวมถึงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่ได้รับผลกระทบจากงบประมาณล่าช้าด้วย
    โดยบริษัทได้เตรียมงบฯลงทุนเพื่อรับซื้อหนี้มาบริหารปี 2567 อยู่ที่ราว 900 ล้านบาท โดยมีการยื่นประมูลไปแล้ว 500 ล้านบาท ซึ่งจะรู้ผลการประมูลภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้
    "วิธีการบริหารหลังรับซื้อหนี้มา หลัก ๆ มีอยู่ 2 วิธี คือ ปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้า และการดำเนินคดีฟ้องร้องยึดหลักประกัน ซึ่งวิธีนี้จะใช้เวลานาน 3-5 ปี โดยช่วงสิ้นเดือน พ.ค.นี้รอลุ้นผลที่เรายื่นไป 500 ล้านบาท ซึ่งเป็นหนี้ธุรกิจหลากหลาย"
    # รถยนต์-บ้าน หนี้ไหลไม่หยุด
    นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 น่าจะเห็นสถาบันการเงินตัดขายหนี้ออกมามากขึ้นกว่าช่วงครึ่งแรกของปี เนื่องจากมีมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของ ธปท. ทำให้กระบวนการการตัดขายหนี้ชะลอออกไปราว 1 ไตรมาส
    ทั้งนี้ หนี้ที่สถาบันการเงินนำมาตัดขาย ส่วนใหญ่จะมีทั้งหนี้เก่าและหนี้เกิดใหม่ ซึ่งจะมาแบบยกแผง ทั้งหนี้บ้าน รถยนต์ และบัตรเครดิต ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์หนี้ครัวเรือน และหนี้กล่าวถึงเป็นพิเศษ (SM) ที่มีสัญญาณเพิ่มขึ้นในกลุ่มดังกล่าว สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวไม่เต็มที่
    ด้านนายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ทรัพย์ที่สถาบันการเงินนำออกมาประมูลมีทั้งหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต และสินเชื่อที่มีหลักประกัน ซึ่งเห็นสัญญาณการตัดขายหนี้ประเภทสินเชื่อบ้านและรถยนต์เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก รวมถึงกลุ่มหนี้ธุรกิจขนาดเล็ก
    "ปีนี้ยังเป็นโอกาสของผู้ซื้อ เพราะจะเห็นแบงก์ทยอยตัดขายหนี้ออกมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในไตรมาส 3 และ 4 ที่จะมีออกมามากขึ้น โดยปีนี้เราตั้งงบฯลงทุนซื้อหนี้มาบริหารราว 1,000-1,500 ล้านบาท คาดว่าจะได้มูลหนี้กลับมาประมาณ 1 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วนจะเป็นหนี้ที่มีหลักประกัน 75% และไม่มีหลักประกัน 25%
    # NPL แบงก์ทะลุ 5 แสนล้าน
    นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมเอ็นพีแอลช่วงที่เหลือของปี 2567 ยังคงมีทิศทางขยับเพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงการระบาดของโควิด-19 ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจที่คาดว่าทยอยฟื้นตัว รวมถึงระหว่างทางธนาคารพาณิชย์มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทั้งก่อนและหลังเป็นหนี้เสียตามหลักเกณฑ์ของแบงก์ชาติ
    จากแนวโน้มเอ็นพีแอลที่ยังมีทิศทางขยับเพิ่มขึ้น จะเห็นธนาคารพาณิชย์ยังให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการเอ็นพีแอลเชิงรุกมากขึ้น เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ การตัดหนี้สูญ (Write-off) หรือการตัดขายหนี้ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) เป็นต้น
    ศูนย์วิจัยคาดว่าหนี้เอ็นพีแอลจะขยับเพิ่มขึ้นอยู่ในกรอบ 2.65-2.85% ต่อสินเชื่อรวมทั้งระบบ หรือคิดเป็นยอดเอ็นพีแอลคงค้าง 5.02-5.22 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 2.66% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 4.93 แสนล้านบาท
    "เรายังเห็นหนี้เสียขยับเพิ่มขึ้น เพราะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน ทำให้กลุ่มที่รายได้ไม่กลับมามีปัญหาในการชำระหนี้"
    Source - เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ
    https://www.prachachat.net/finance/...v_qxwjsPKpL-55zxRM6Z7aLguvwrSTCFG94put4iculbB
    https://www.facebook.com/share/p/w1uoXhNjVMdE5bty/?mibextid=oFDknk
     

แชร์หน้านี้

Loading...